menu
Languages

ขับรถไปเที่ยวยามากูจิกันเถอะ!

ผู้เขียนบทความ 王 月寧

所在地: 福岡県福岡市

FOSA 福岡県留学生の副会長です。留学生の代表として、観光協会の特派員をやっています。どうぞよろしくお願いいたします。

READ MORE

สวัสดีค่ะ! เราชื่อ Wang Yuening  เป็นนักศึกษาชั้นปี่ 3 ของมหาวิทยาลัยคิวชู มาจากเมืองต้าเหลียนประเทศจีน ที่นี่เราเป็นตัวแทนของ Fukuoka International Student Association

ซึ่งวันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวจังหวัดยามากูจิผ่านบทความนี้ให้ได้อ่านกันค่ะ J

 

จริง ๆ แล้วเนี่ยถึงเวลาการขนส่งสาธารณะในญี่ปุ่นจะถูกพัฒนาให้เราเดินทางได้สะดวกมาก ๆ แล้วแต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ จุดที่เรายังจำเป็นต้องใช้รถยนต์อยู่ดีค่ะ วันนี้เราจึงมาแนะนำ 1-day road trip เพื่อเที่ยวแบบทั่ว ๆ ในจังหวัดยามากูจิกัน

 

ถ้าหากใครไม่ค่อยคุ้นชื่อจังหวัดยามากูจิมากนัก เรามาลองทำความรู้จักที่นี่กันคร่าว ๆ ก่อนดีกว่าค่ะ ยามากูจิเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่สุดขอบฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นซึ่งล้อมรอบไปด้วยทะเลถึงสามทิศ ทำให้ที่นี่มีภูมิอากาศที่ค่อนข้างอุ่น อาจจะมีไต้ฝุ่น น้ำท่วมหรือผลกระทบจากแผ่นดินไหวบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมที่นี่ถือว่าตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เหมาะกับการอยู่อาศัยเลยทีเดียว นอกจากนี้ยามากูจิยังประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยในส่วนของ Seto Naikai อีกด้วย การเดินทางจากฟูกุโอกะก็จะขับรถผ่านสะพาน Kanmon (Kanmon bridge) ซึ่งเชื่อมระหว่างจังหวัดฟูกุโอกะและยามากูจิค่ะ จุดแรกที่เราจะจอดแวะกันก็คือสะพานอันเลืองชื่อ Tsunoshima bridge นั่นเอง

 

Tsunoshima bridge (เมือง ชิโมโนะเซกิ (Shimonoseki))

 

เราแนะนำว่าให้เลือกวันฟ้าใส ๆ นะคะ เพราะจะได้เห็นวิวท้องทะเลกับท้องฟ้าใสชัด ๆ อย่างเช่นวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายนเพิ่งจบฤดูฝนมาหมาด ๆ แดดจ้าเลยทีเดียวค่ะ อากาศก็อาจจะร้อนและชื้นหน่อย แต่รับรองว่าวิวที่จะได้เห็นนั้นสวยงามคุ้มค่าอย่างแน่นอน

 

เรามาจอดรถที่ลานจอดใกล้ ๆ กับ Tsunoshima Lighthouse Park ซึ่งจะมีร้านอาหารทะเลอบแห้งขายอยู่เล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ จริง ๆ แล้วเราสามารถขึ้นไปชมวิวบนประภาคาร Tsunoshima Lighthouse ได้ด้วยโดยมีราคาเพียง 300 เยน แต่เนื่องจากด้วยเวลาจำกัดในวันนั้นเราก็เลยไม่ได้ขึ้นไป

 

Tsunoshima Todai (Lighthouse) Park

 

Tsunoshima Todai Park คือสวนสาธารณะที่ประกอบไปด้วยทางเดิน พื้นที่พักผ่อนหย่อนใหญ่ ลานเอนกประสงค์ ห้องโถงอนุสรณ์ (Tsunoshima Todai memorial hall) รวมถึงแกลอรี่จากยุคเมจิซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของส่วนกลางซึ่งตั้งอยู่บนตัวประภาคารนั่นเองค่ะ จุดเด่นอยู่ที่ประตูสีฟ้าที่เค้ามักจะถ่ายรูปโดยใช้ประตูบานนี้เป็นพื้นหลังกันนั่นเองค่ะ จากจุดนั้นเราเดินต่อไปยังชายฝั่งเราจะมองเห็นประตูโทริใกล้ ๆ ทะเล ซึ่งมีเรื่องเล่าของเทพเจ้ามาตั้งแต่สมัยก่อนที่ว่า Yumesaki Myojin ได้รับการนับถือจากผู้คนบนเกาะ Tsunoshima ในฐานะของเทพเจ้าผู้ปกป้องทะเลและผู้ให้ความโชคในการประมง ตรงประตูโทริก็จะมีกล่องเงินสีแดงตั้งอยู่ ถ้าเราสามารถโยนหินลงไปในกล่องนั้นได้ก็จะมีชีวิตการแต่งงานที่ราบรื่นค่ะ ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยวก็อย่าลืมมาลองทำกันนะคะ!

 

เซ็นโจจิกิ (Senjojiki) (Nagato City, Yamaguchi Prefecture)

 

จากนั้นเราขับรถต่อมายังเมืองนากาโต (Nagato) ซึ่งมีสถานที่ที่โด่งดั่งที่ชื่อว่า เซ็นโจจิกิ (Senjojiki) ที่นี่เราก็จะได้เห็นทะเลและท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขตเผยให้เห็นถึงทัศนียภาพที่กว้างไกลนั่นเอง ได้ยินเสียงคลื่นทะเลจากสายลมที่พัดอ่าน และสูดกลิ่นหญ้าบนพื้นที่สูง 333 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภาพตรงหน้าที่เราเห็นเหมือนกับเกาะที่ล่องลอยอยู่บนท้องทะเลญี่ปุ่นเลยเลยค่ะ ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่ามาชมมาก ๆ นอกจากนี้ยังเป็นจุดตั้งแคมป์ที่มีชื่อเสียงเพราะว่าวิวดี ๆ อีกด้วย และวันที่เรามาก็ยังเห็นผู้คนที่มาฝึกเล่นกระโดดร่มกันอีกด้วยล่ะค่ะ

 

สถานที่ต่อไปก็คือ ศาลเจ้าโมโตโนะซุมิ (Motonosumi shrine) ในตัวเมืองนากาโตะอีกเช่นกันค่ะ จากตัวศาลเจ้าเราจะเห็นคลื่นขนาดใหญ่ที่เค้ามักเรียกกันว่า “tidal wave of Dragon Palace” เพราะคลื่นกระทบกับถ้ำใต้หน้าผา จุดนี้น้ำทะเลก็จะพัดผ่านไปพร้อม ๆ กับอากาศจนเกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่นั่นเองค่ะ ระหว่างทางเดินไปศาลเจ้าก็จะมีประตูศาลเจ้าโทริสีแดงกว่า 123 ต้นที่ถูก

สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1987 เรื่อยมาจนถึงเมื่อ 10 ปีที่แล้วห่างจาก Dragon Palace ประมาณ 100 เมตรค่ะ

 

 

 

 

 

จากนั้นเราเดินทางต่อมาที่จุดชมวิวของ Hinoyama Park (The observatory of Hinoyama park) ซึ่งเราจะเห็นสะพานที่พาดผ่านช่องแคบ Kanmon (Kanmon channel) ซึ่งอยู่ระหว่างตัวเมืองชิโมโนเซกิ (Shimonoseki city) ของจังหวัดยามากูจิและโมจิคู (Moji ku) ของเมืองคิตะคิวชูจังหวัดฟูกุโอกะค่ะ ถ้าโชคดีอากาศแจ่มใจเราก็อาจจะมองเห็นไกลไปถึงตัวจังหวัดโออิตะได้เลยนะคะจากจุดนี้ ใต้ทะเลก็ยังมีตัวอุโมงค์ Kanmon ซึ้งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1958 โดยรถไฟชินคันเซ็นสาย Sanyo เองก็ใช้ตัวอุโมงค์นี้ในการวิ่งผ่านช่องแคบนี้ค่ะ นอกจากนี้ที่อุโมงค์ใต้น้ำนี้ก็ยังมีทางเดินสำหรับใครที่อยากจะลองเดินไปมาระหว่างเกาะฮอนชูกับเกาะคิวชูค่ะ ใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้นเอง!

สวนฮิโนยาม่า (Hinoyama Park)

 

จบไปแล้วค่ะสำหรับ road trip หนึ่งวันเต็ม ๆ ของพวกเรา! เรียกได้ว่าคุ้มค่าเช่ารถแน่นอนเลยใช่มั้ยล่ะ! ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองมาตามรอยกันได้นะคะ ^^

 

 

ผู้เขียนบทความ

王 月寧

所在地: 福岡県福岡市

FOSA 福岡県留学生の副会長です。留学生の代表として、観光協会の特派員をやっています。どうぞよろしくお願いいたします。

観光施設情報